CLV = ค่าเฉลี่ยยอดซื้อสินค้าแต่ละครั้ง x จำนวนครั้งที่ลูกค้าซื้อต่อปี x ค่าเฉลี่ยเป็นลูกค้ากี่ปี ถามว่าเราจะรู้ได้ยังไงว่าค่า CLV คิดยังไง แต่ละธุรกิจจะต้องลองคำนวณเองด้วยข้อมูลที่มีอยู่แล้ว ลองอ่านบทความ แจกสูตรคำนวณ Customer Lifetime Value (CLV) เพิ่มเติมทีมงาน Magnus เขียนอธิบายไว้แล้ว 5. Return on Investment (ROI) แทบทุกธุรกิจต้องวัดผลลัพธ์ด้วย Return on Investment (ROI) คือ อัตราส่วนของกำไรสุทธิกับค่าใช้จ่าย หรือตัวเลขแสดงถึงผลตอบแทนของการลงทุน แปลว่า X บาทที่ลงทุนจะได้ผลตอบแทนกลับมา Y บาท ประมาณนั้น ยิ่ง ROI สูงก็ยิ่งดี เพราะได้ผลตอบแทนเยอะ Return on Investment (ROI) คิดยังไง? ROI = (รายได้ที่ได้รับจากโฆษณา – ค่าโฆษณา – ค่าใช้จ่ายอื่นๆ เช่น ค่าจัดส่ง) ÷ ค่าโฆษณา เล่าให้ฟังเพิ่มความเข้าใจในการคิด ROI เช่น ยิงแอด google ขายของเล่นเด็กเรามีรายได้จากการยิงแอดนั้นอยู่ที่ 50, 000 บาท จ่ายค่าโฆษณา Google Ads ไป 20, 000 บาท มีค่าใช้จ่ายอื่น ๆ คือ จัดส่งสินค้า 10, 000 บาท เราจะได้ ROI ตามนี้ (50, 000 – 20, 000 – 10, 000) ÷ 20, 000 หมายความว่า ค่า ROI เท่ากับ 1 หรือ 100% การทำการตลาดครั้งนี้ได้เงินกลับมา 1 เท่าจากการลงโฆษณา ค่า ROI เท่าไหร่ถึงจะดี?
เพราะทุกการลงทุน Digital Marketing ต้องคุ้มค่าทุกบาททุกสตางค์ การทำความเข้าใจคำศัพท์ Digital เพราะทุกการลงทุน Digital Marketing ต้องคุ้มค่าทุกบาททุกสตางค์ การทำความเข้าใจคำศัพท์ Digital นั้นเป็นสิ่งที่ต้องรู้จักว่าในส่วน Metrics ของการยิงแอด google นั้นมีอะไรบ้าง จะได้รู้ว่าโฆษณาของเรานั้นมีรายละเอียดอย่างไร ลงทุนคุ้มค่าแค่ไหน และต้องปรับปรุงกลยุทธ์ Bidding อะไรต่อการยิงแอด google โฆษณาของเรา ได้แก่ Click Through Rate (CTR) หมายถึง อัตราการคลิกต่อการแสดงผล Conversion Rate (Conv. / CVR) หมายถึง อัตราการตอบสนองต่อโฆษณา Cost per Lead (CPL) หมายถึง ต้นทุนค่าใช้จ่ายเพื่อให้ได้ Lead ลูกค้ามา Customer Lifetime Value (CLV) หมายถึง มูลค่าตลอดอายุการใช้งานของลูกค้า Return on Investment (ROI) หมายถึง อัตราส่วนของกำไรสุทธิกับค่าใช้จ่าย เดี๋ยว Magnus จะสรุปข้อมูลเกี่ยวกับค่า 5 Metrics ของการยิงแอด Google Ads ให้เข้าใจตามนี้ 1.
"Unsung Hero" [ภาพยนตร์โฆษณา ปี พ. ศ. 2557] [Official TVC 2014: Thai Life Insurance] - YouTube
ให้ยอดขายคุณก้าวกระโดดในระหว่างที่คุณนอน เพิ่มยอดขาย Google Ads ด้วย Personalization Ads ที่ตอบโจทย์คนค้นหา การโฆษณาหาสิ่งที่ลูกค้าต้องการนั้นเป็นอะไรที่สำคัญมากๆ และเป็นอนาคตของการโฆษณาอย่างแท้จริง หากเวลานั้นลูกค้าต้องการซื้ออะไร โฆษณาเราสามารถตอบโจทย์ลูกค้าคนนั้นๆได้ทันที ทำให้การโฆษณาเกิดการซื้อขายที่มหาศาลได้ ปรึกษากับผู้เชี่ยวชาญ ผลงานความสำเร็จของเรา เราคือบริษัทรับทำ Google Ads ชั่นนำในกรุงเทพฯ ที่มีประวัติความสำเร็จที่โดดเด่น และยังคงครอบอันดับ 1 อย่างยั่งยืน การทำ Google Ads คืออะไร? ทุกวินาทีที่ผ่านไปนั้นมีคำค้นหาส่งแปลกๆใหม่ๆมากกว่า 1 ล้านครั้ง ไม่ว่าจะเป็นคำเดี่ยวๆ หรือคำชุดต่างๆ ทำให้ทุกวินาทีเราไม่ได้โฆษณาไปนั้นเป็นการเสียโอกาศที่ยิ่งใหญ่แก่บริษัท การทำ Google Ads นั้นเป็นเครื่องที่ Google ได้ทำชึ้นมาเพื่อธุรกิจความโฆษณาในคำค้นหาเหล่านั้นได้ และตอบโจทย์ผู้ค้นหา ณ เวลานั้นด้วยเช่นเดียวกัน ด้วยเหตุนั้นเอง Google ได้สร้างเครื่องมือที่สร้างสถานการณ์ Win-Win อย่างแท้จริง เรามาดูกันว่าการลงลึกตรง Google Ads นั้นทำงานยังไง?
CTR = (Click ÷ Impression) x 100 สูตรการคิด CTR จะคำนวณจากจำนวนคลิกที่โฆษณาได้รับหารด้วยจำนวนครั้งที่โฆษณาแสดงผล เช่น โฆษณาได้รับคลิก 15 ครั้ง มีการแสดงผล 100 ครั้ง ค่า CTR จะเท่ากับ 15% นั้นเอง พอเข้าใจและเห็นภาพการคิด CTR กันแล้วใช่ไหม และไม่ต้องกังวลใจไปว่าจะยุ่งยาก เหนื่อยคิดค่า Metric นี้ทุกแคมเปญโฆษณา เพราะ Google Ads ได้คิดคำนวณค่า CTR มีข้อมูลแสดงผลให้เราแล้ว 2. Conversion Rate (Conv. / CVR) เมื่อ Conversion คือ การที่ลูกค้าโต้ตอบกับโฆษณา เช่น การกดซื้อ การสมัครรับอีเมล หรือการสมัครข้อมูล การดาวน์โหลดแอปพลิเคชั่น การกดโทรศัพท์เพื่อติดต่อกลับ หรือยอดจำหน่ายสินค้าที่เกิดขึ้นจริง พูดให้เข้าใจตรงไปตรงมา อะไรที่เราต้องการให้ (ว่าที่) ลูกค้าลงมือทำหลังจากเห็นโฆษณานั่นเรียกว่า Conversion ดังนั้น คำว่า Conversion Rate หมายถึง อัตราการตอบรับของโฆษณา อัตราของการเปลี่ยนแปลงของการสั่งซื้อ หรือการสมัครสมาชิกจากโฆษณา google Ads ซึ่งค่า Conversion Rate คำตัวย่อบางสำนักย่อว่า Conv. บางครั้งถูกเรียกว่า CVR จึงทำให้นักยิงแอด google มือใหม่คงจะเคยได้ยินคำว่า Conversion Rate บ่อยครั้ง เพราะเป็น Metrics สำคัญช่วยวัดผลลัพธ์ว่า คนคลิกมาเขามีการตอบสนองต่อโฆษณาเท่าไหร่ กล่าวคือ Conversion Rate เป็นจำนวนเปอร์เซ็นต์แสดงว่า จากจำนวนคลิกทั้งหมดแปลงเป็นยอดขายหรือทำได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ได้กี่เปอร์เซ็นต์ โดยเป็นอีก KPI ที่นักยิงแอด google ต้องคอยติดตามอยู่ตลอด Conversion Rate คิดยังไง?
CPL = ค่าโฆษณาทั้งหมด ÷ จำนวน Lead ที่ได้มา 4.
การเก็บรวบรวมและใช้ข้อมูล ไม่อนุญาตให้โฆษณา ที่อาจมีการเก็บข้อมูลเพื่อไปในทางที่ผิด หรือเก็บรวบรวมข้อมูลดังกล่าวโดยมีจุดประสงค์ที่ไม่ชัดเจนหรือโดยไม่มีมาตรการรักษาความปลอดภัย เช่น การรับข้อมูลบัตรเครดิตผ่านทางเซิร์ฟเวอร์ที่ไม่ปลอดภัย 3. การสื่อให้เข้าใจผิด ไม่อนุญาตโฆษณาเนื้อหาที่หลอกลวงผู้ใช้โดยการละเว้นข้อมูลผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้อง หรือให้ข้อมูลที่ทำให้เข้าใจผิดเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ บริการ หรือธุรกิจ เช่น การไม่แสดงหมายเลขประจำตัวผู้เสียภาษีหรือหมายเลขใบอนุญาต ข้อมูลติดต่อ หรือที่อยู่จริงที่เกี่ยวข้อง การให้ข้อเสนอที่ไม่มีอยู่จริง เป็นต้น เนื้อหาและฟีเจอร์ต้องห้าม 1. เนื้อหาสำหรับผู้ใหญ่ ไม่อนุญาตเนื้อหาสำหรับผู้ใหญ่บางประเภท โดยการโฆษณาที่ได้รับอนุญาต จะถูกแสดงภายใต้เงื่อนไข ห้ามกำหนดกลุ่มเป้าหมายไปยังผู้เยาว์ แต่จะแสดงเฉพาะในสถานการณ์ที่จำกัด ขึ้นอยู่กับคำค้นหาของผู้ใช้ อายุของผู้ใช้ และกฎหมายท้องถิ่นที่โฆษณาแสดงอยู่ 2. เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ไม่อนุญาตให้มีการโฆษณาเกี่ยวกับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์บางอย่าง โฆษณาที่เกี่ยวข้องกับแอลกอฮอล์บางประเภทจะได้รับอนุญาตหากเป็นไปตามเงื่อนไขของ Google โดยห้ามกำหนดกลุ่มเป้าหมายไปยังผู้เยาว์ และกำหนดกลุ่มเป้าหมายเฉพาะประเทศที่ได้รับอนุญาตให้แสดงโฆษณาแอลกอฮอล์ได้อย่างชัดเจน 3.
ธุรกิจองค์กรจะได้ประโยชน์อย่างไรบ้าง? หลังจากที่ Aruba ประกาศหนึ่งในนวัตกรรมใหม่ของปีนี้ออกมา ก็คือการติด GPS เข้าไปในตัว Access Point โดยตรงเลย ก็คงจะสร้างคำถามให้กับ Network Engineer หลายๆ ท่านกันว่า ทำไมเราต้องมี GPS ใน Access Point? วันนี้ทีมงาน TechTalkThai และ เราเลยจะมาชวนคุยเรื่องนี้กันโดยตรงเลยครับ Aruba IoT Operations: ติดตั้ง ใช้งาน บริหารจัดการระบบ IoT และเครือข่ายร่วมกันได้ด้วย Aruba Central โดย IT Green การติดตั้งใช้งานระบบ Internet of Things หรือ IoT ภายในองค์กรนั้นเคยเป็นงานที่ยากลำบากและซับซ้อนสำหรับธุรกิจหลายๆ แห่ง แต่ทุกวันนี้ปัญหาดังกล่าวจะหมดไป ด้วยโซลูชัน Aruba IoT Operations ที่สามารถติดตั้ง ใช้งาน และบริหารจัดการระบบ IoT ได้อย่างครบวงจรผ่าน Aruba Central
มีความคล้ายกับโฆษณา GDN ตรงที่วัตถุประสงค์หลักในการทำโฆษณา นั่นคือ การสร้างแบรนด์ โปรโมทสินค้าและบริการให้เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางมากขึ้นแต่ด้วยรูปแบบที่เป็นวีดีโอ ก็อาจทำให้ผู้ชมได้เห็นข้อมูลมากขึ้น จดจำเนื้อหาได้มากขึ้น สร้างความเข้าใจได้ง่ายขึ้น สร้างความรู้สึกสนใจและต้องการสินค้าได้มากขึ้น จนอาจนำไปสู่การขายที่ง่ายขึ้น 4. Google Ads (Google Adwords) – Shopping Google Ads (Google Adwords) – Shopping คือการโฆษณาที่มีรายละเอียด ราคา ภาพ และผู้ขายสินค้า ปรากฏอยู่บน Search Engine เลย เพื่อให้ผู้ชมสามารถลิงค์ไปยังหน้าขายสินค้าเพื่อซื้อสินค้าได้ทันที ซึ่งโฆษณา Google Ads (Google Adwords) – Shopping เหมาะสำหรับร้านค้าออนไลน์ที่เน้นให้คนซื้อสินค้าออนไลน์โดยเฉพาะ แต่การทำโฆษณา Google Ads (Google Adwords) – Shopping จำเป็นต้องเชื่อมโยงระบบ Google Ads (Google Adwords) กับเครื่องมือ Google Merchant Center ที่เราได้อัพโหลดข้อมูลต่าง ๆ ของสินค้าก่อน จึงจะสามารถทำโฆษณา Google Ads (Google Adwords) – Shopping ได้ 5. Google Ads (Google Adwords) – App Google Ads (Google Adwords) – App คือ โฆษณาที่เน้นให้ผู้ชมดาวน์โหลดแอปไปใช้ โดยโฆษณาจะมีรูปแบบเป็นทั้งโฆษณาแบบ Search, Display และ Video ปรากฏอยู่ใน Search Engine, Google Display Network, YouTube และ Google Play
Google Ads เป็นอีกช่องทางทำการตลาดออนไลน์ ที่ได้ประสิทธิภาพสูงและเห็นผลตอบรับได้รวดเร็ว เนื่องจากการซื้อโฆษณาใน Google Ads สามารถแสดงผลโฆษณาได้ทันทีที่เราขึ้นแคมเปญ และยังสามารถทำให้ผู้บริโภครู้จักสินค้าและบริการของเราในเวลาอันรวดเร็วได้อีกด้วย Google Ads คืออะไร?