ในบางกรณีที่ทางฆ้องไม่เอื้ออำนวย วรรคแรกและวรรคหลังอาจใช้กลอนที่ไม่เหมือนกันก็ได้ 4. ควรศึกษาว่ากลอนประเภทใดเหมาะกับเพลงประเภทใด รวมถึงแนวความช้า เร็ว ในการบรรเลง
ค.
ใช้ปี่มอญ แทน ปี่ใน 2. ใช้ตะโพนมอญ แทน ตะโพนไทย 3. ใช้เปิงมางคอก แทน กลองทัด 4. ฆ้องวงมอญ แทน ฆ้องวงไทย 5. เพิ่ม โหม่งราว (โหม่งสามใบ) ปี่พาทย์มอญแบ่งออกได้เป็น 3 ขนาด วงเครื่องห้า ประกอบด้วย ฆ้องวง ระนาดเอก ปี่มอญ ตะโพนมอญ เปิงมางคอก ฉิ่ง เครื่องดนตรีที่ใช้สำหรับวงปี่พาทย์มอญเครื่องห้า วงเครื่องคู่ ประกอบด้วย ฆ้องวงใหญ่ ฆ้องวงเล็ก ระนาดเอก ระนาดทุ้ม ปี่มอญ เปิงมางคอก ตะโพนมอญ ฉาบเล็ก ฉาบใหญ่ กรับ ฉิ่ง เครื่องดนตรีที่ใช้สำหรับวงปี่พาทย์มอญเครื่องคู่ วงเครื่องใหญ่ ประกอบด้วย ปี่มอญ ฆ้องวงใหญ่ ฆ้องวงเล็ก ระนาดเอก ระนาดทุ้ม ระนาดเอกเหล็ก ระนาดทุ้มเหล็ก ตะโพนมอญเปิงมางคอก ฉาบเล็ก ฉาบใหญ่ กรับ ฉิ่ง เครื่องดนตรีที่ใช้สำหรับวงปี่พาทย์มอญเครื่องใหญ่ 1.
เทคนิค การบรรเลงระนาดทุ้มและแบบฝึกหัดการบรรเลงระนาดทุ้ม ๑. การตีไล่ เสียงขึ้น – ลง โดยใช้มือซ้ายตีที่ลูกทวน หรือลูกที่มีเสียงต่ำสุดซึ่งอยู่ทางซ้ายมือของผู้บรรเลง และตีเรียงเสียงขึ้นไปจนได้คู่แปด แล้วเปลี่ยนมาใช้มือขวาไล่ต่อไปจนถึงลูกยอดหรือลูกที่มีเสียงสูงสุดซึ่งอยู่ ทางขวามือของผู้บรรเลง และในทำนองกลับกันใช้มือขวาตีที่ลูกยอดไล่เรียงเสียงลงมาให้ได้คู่แปดกับลูก ยอด แล้วเปลี่ยนไปใช้มือซ้ายไล่เรียงเสียงลงมาจนถึงลูกทั่ง เช่น – – – – มฟซล ทดํรํมํ รฺมฺฟฺซฺ ลฺทฺดร ๒. การตีไล่ เสียงสลับมือ โดยการตีสลับมือซ้ายขวาจากเสียงต่ำสุดไปหาเสียงสูงสุด โดยใช้ มือซ้ายตีลงก่อนแล้วตามด้วยมือขวา เมื่อมือขวาตีถึงลูกยอด ให้ตีถอยลงมาโดยเริ่มด้วยมือซ้ายตีลงที่ลูกยอดก่อน ตามด้วยมือขวาตีสลับลงมาจนถึงเสียงต่ำสุด เช่น – – ฟฺซฺ – – ด ร – – ซ ล – – รํ มํ มํ รํ – – ล ซ – – ร ด – – ซฺ ฟฺ- – รฺ มฺ – – ลฺ ทฺ- – ม ฟ- – ทดํ- – – – ดํท – – ฟม – -ทฺ ลฺ – – มฺ รฺ ๓. การตีสอง มือพร้อมกันเป็นคู่ต่าง ๆ โดยลงน้ำหนักมือเท่ากัน ใช้มือซ้ายและมือขวาตีลงที่ ลูกฆ้องพร้อมกันทั้งสองมือ โดยใช้นำหนักมือทั้งสองมือเท่ากันและมีเสียงประมาณกัน – ร – ม – ฟ- ซ – ล – ท – ดํ – รํ – มํ – มํ – รํ – ดํ – ท – ล – ซ- ฟ รฺ – มฺ – ฟฺ – ซฺ – ลฺ – ทฺ – ด – ร – ม – ม – ร – ด – ทฺ – ลฺ – ซฺ – ฟฺ – ๔.
[Podcast] แก้ง่วงเดินทางไกล [ลูกทุ่ง] หลอนศาสตร์ 9 Chill Summer Afternoon
ตีตรงกลางลูกระนาด 2. การเคลื่อนของมือ โดยที่มือซ้ายและมือขวาต้องอยู่ในแนวขนานกัน ตำแหน่งของหัวไม้อยู่กึ่งกลางลูกระนาด และเอียงตามทิศทางของผืนระนาด 3. การยกไม้ เสียงของระนาดเอกจะดังมากหรือน้อย ขึ้นอยู่กับพลังในการตี ควรยกไม้ระนาดให้สูงจากผืนระนาดประมาณ 6 นิ้วสำหรับตีฉาก และ 2 นิ้วสำหรับตีสิม 4. น้ำหนักมือ ต้องลงน้ำหนักของมือซ้ายและมือขวาให้เท่ากัน ลักษณะการตีระนาด[แก้] 1. ตีฉาก 2. ตีสิม 3. ตีครึ่งข้อครึ่งแขน 4. ตีข้อำ วิธีการตีระนาด[แก้] 1. ตีกรอ 2. ตีสะบัด 3. ตีรัว 4. ตีกวาด 5. ตีขยี้ 6. ตีคาบลูกคาบดอก 7. ตี นักระนาดเอกที่มีชื่อเสียง[แก้] 1. พระเสนาะดุริยางค์ (ขุนเณร) 2. ครูช้อย สุนทรวาทิน 3. ครูสิน สินธุสาคร 4. ครูสิน ศิลปบรรเลง 5. พระยาเสนาะดุริยางค์ (แช่ม สุนทรวาทิน) 6. พระยาประสานดุริยศัพท์ (แปลก ประสานศัพท์) 7. หลวงประดิษฐไพเราะ (ศร ศิลปบรรเลง) 8. พระเพลงไพเราะ (โสม สุวาทิต) 9. หลวงชาญเชิงระนาด (เงิน ผลารักษ์) 10. จางวางสวน ชิดท้วม 11. ก่กุศล บุญเฟื่อง
ลักษณะของผืนระนาด ผืนระนาดมีวิวัฒนาการมาจากกรับเสภา โดยการนำกรับที่มีขนาดต่างกันมาวางเรียงแล้ว เคาะให้เกิดเสียงต่างๆ มีทั้งเสียงสูงและเสียงตํ่า ผืนระนาดมีอยู่ 2 ชนิด 1. ผลิตขึ้นจากไม้ไผ่ 2. ผลิตขึ้นจากไม้เนื้อแข็ง ทั้ง 2 ชนิดเหมือนกันคือ มีการนำลูกราดมาวางเรียงต่อกัน 2. วิธีการผลิตผืนระนาด ผืนระนาด เป็นตัวกำเนิดเสียง การนำลูกระนาดที่มีขนาดต่างๆ กันตั้งแต่ลูกใหญ่สุดเรียงไปจนถึงลูกเล็กสุด เจาะรูร้อยเชือกเข้าไว้เป็นแผ่นเดียวกัน รางระนาด 1. ลักษณะของรางระนาด รางระนาด เป็นส่วนประกอบสำคัญของระนาด เป็นตัวกำธรเสียง รางระนาด คล้ายลำเรือ ผนังรางด้านนอกแกะ หรือ เขียนลวดลาย มีแผ่นไม้ที่เรียกว่า โขนปิดหัวท้ายราง ราง คือส่วนที่เป็นกล่องเสียงของระนาด ซึ่งเป็นตัวอุ้มเสียงและสะท้อนเสียงในขณะบรรเลง 2. วิธีผลิตรางระนาด เสียงของระนาดจะดังมากน้อยเพียงใดขึ้นอยู่กับ รางระนาด ซึ่งต้องมีขนาดความกว้างยาว สูง และความโค้งที่สมดุลย์กัน ช่างที่ทำรางระนาดจะต้องมีการคำนวนสูตร มีความประณีตในการผลิต ไม้ตี 1. ลักษณะของไม้ตีระนาดเอก ไม้ตีระนาดเอกมีหลายลักษณะแตกต่างกันไปทั้งในด้านนํ้าหนัก และ รูปร่าง ซึ่งขึ้นอยู่กับผู้บรรเลงที่จะเลือกใช้ตามความเหมาะสมตามความถนัดและตามโอกาสเพื่อที่จะทำให้ เกิดเสียงต่างกัน เสียงจะนิ่มนวล หรือ ดุดันนั้นขึ้นอยู่กับลักษณะของไม้ที่ใช้ตีระนาด ไม้ระนาดมีด้วยกัน 2 ชนิด 1.
การตีกรอ คู่ต่าง ๆ โดยตีคู่เช่นคู่ ๒, ๔, ๘ เช่น คู่ ๒ – – – ร – – – ม – – – ฟ – – – ซ – – – ด คู่ ๔ – – – ลฺ – – – ทฺ คู่ ๘ – – – ล – – – ดํ – – – รํ – – – ซฺ – – -ด ๕. การตีผสม มือ และการตีแบ่งมือ ๕. ๑ การตีไล่เสียงขึ้น ๓ เสียง รูปแบบการแบ่งมือคือ ซ้าย ขวา ขวา เช่น – – มฺ ฟฺ – – ฟฺ ซฺ – – ซฺ ลฺ – – ลฺ ทฺ – รฺ – – – มฺ – – – ฟฺ – – – ซฺ – – ๕. ๒ การตีไล่เสียงลง ๓ เสียง รูปแบบการ แบ่งมือคือ ขวา ขวา ซ้าย เช่น – มํ – – – รํ – – – ดํ – – – ท – – – – รํ ดํ – – ดํ ล – – ท ล – – ล ซ ๕. ๓ การตีไล่เสียงขึ้น ๔ เสียง รูปแบบการแบ่งมือคือ ซ้าย ซ้าย ขวา ขวา เช่น – – ทฺ ด มฺ ฟฺ – – ฟฺ ซฺ – – ซฺ ๕. ๔ การตีไล่เสียงลง ๔ เสียง รูปแบบการ แบ่งมือคือ ขวา ขวา ซ้าย ซ้าย เช่น รํ ดํ – – ดํ ท – – ท ล – – – – ซ ฟ ที่มา: ระนาดทุ้ม เป็นเครื่องดนตรีประเภทเครื่องตีที่ทำด้วยไม้มีรูปลักษณะเป็นรางร้อยลูก ระนาดเป็นพื้นแขวนบนรางระนาดทุ้ม เป็นเครื่องดนตรีที่สร้างขึ้นในรัชกาลพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวประสมอยู่ในวงดนตรีไทยประเภทต่างๆ เช่น วงปี่พาทย์ไม้แข็ง วงปี่ พาทย์ดึกดำบรรพ์ วงปี่พาทย์ไม้นวม วงมโหรี ฯลฯ ทำหน้าที่ ดำเนินทำนองเพลง หยอก ล้อไปกับระนาดเอกทำให้เกิดความสนุกสนาน
6 วงปี่พาทย์ดึกดำบรรพ์ เป็นวงดนตรีที่เกิดขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 5 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ โดยได้รับอิทธิพลจากละครโอเปร่าของยุโรป ซึ่ง เจ้าพระยาเทเวศร์วงวิวัฒน์และ สมเด็จเจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัติวงศ์ทรงปรับปรุงขึ้นเมื่อ พ. ศ. 2441 ใช้บรรเลงประกอบการแสดงละครดึกดำบรรพ์ โดยหวังจะได้วงดนตรีที่มีเสียงที่หวานนุ่มหูอย่างวงของฝรั่ง เหตุที่มีชื่อว่าดึกดำบรรพ์นั้น ได้เรียกตามชื่อโรงละครของ เจ้าพระยาเทเวศร์วงวิวัฒน์ เครื่องดนตรีที่ผสมอยู่ในวงปี่พาทย์ชนิดนี้ คัดเลือกเอาเฉพาะเครื่องดนตรีที่มีเสียงทุ้มต่ำนุ่มนวลและไม้ตีระนาดต้องใช้ไม้นวมตี เครื่องดนตรีที่ใช้สำหรับวงปี่พาทย์ดึกดำบรรพ์ ที่มา 1. 2. 3. 4
ตีตรงกลางลูกระนาด 2. การเคลื่อนของมือ โดยที่มือซ้ายและมือขวาต้องอยู่ในแนวขนานกัน ตำแหน่งของหัวไม้อยู่กึ่งกลางลูกระนาด และเอียงตามทิศทางของผืนระนาด 3. การยกไม้ เสียงของระนาดเอกจะดังมากหรือน้อย ขึ้นอยู่กับพลังในการตี ควรยกไม้ระนาดให้สูงจากผืนระนาดประมาณ 6 นิ้วสำหรับตีฉาก และ 2 นิ้วสำหรับตีสิม 4. น้ำหนักมือ ต้องลงน้ำหนักของมือซ้ายและมือขวาให้เท่ากัน ลักษณะการตีระนาด 1. ตีฉาก 2. ตีสิม 3. ตีครึ่งข้อครึ่งแขน 4. ตีข้อ วิธีการตีระนาด 1. การเก็บ 2. ตีกรอ 3. ตีสะบัด 4. ตีรัว 5. ตีกวาด 6. ตีขยี้ นักระนาดเอกที่มีชื่อเสียง พระเสนาะดุริยางค์ (ขุนเณร) 2. ครูช้อย สุนทรวาทิน3. ครูสิน สินธุสาคร 4. ครูสิน ศิลปบรรเลง 5. พระยาเสนาะดุริยางค์ (แช่ม สุนทรวาทิน) 6. พระยาประสานดุริยศัพท์ (แปลก ประสานศัพท์) 7. หลวงประดิษฐไพเราะ (ศร ศิลปบรรเลง) 8. พระเพลงไพเราะ (โสม สุวาทิต) 9. หลวงชาญเชิงระนาด (เงิน ผลารักษ์) 10. จางวางสวน ชิดท้วม